วันพฤหัสบดีที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2552

ชื่อเพลง: คิดถึงบ้าน



มองดูดวงดาวก็คงเป็นดาวดวงเดียวกัน


มองดูดวงจันทร์ก็เหมือนกับจันทร์ที่บ้านเรา


ยามนี้ฉันเหงา คิดถึงบ้าน


มองดูท้องฟ้าก็ยังเป็นฟ้าพื้นเดียวกัน


มองดูดวงตะวันก็ยังส่องแสงไปบ้านฉัน


ยามฟ้ามืดครึ้ม คิดถึงบ้าน




อยู่ในเมืองกรุงก็คงวุ่นวายและวกวน


มีแต่ผู้คนก็เหมือนกับคนไม่รู้จักกัน


ชีวิตผกผัน คิดถึงบ้าน


มองไปทางใดก็มีแต่ตึกสูงสวยงาม


แต่ใจคนไม่งามเหมือนกับคนที่บ้านเรา


ยามนี้ฉันเหงา คิดถึงบ้าน




อยู่ในเมืองกรุงก็คงวุ่นวายและวกวน


มีแต่ผู้คนก็เหมือนกับคนไม่รู้จักกัน


ชีวิตผกผัน คิดถึงบ้าน


มองไปทางใดก็มีแต่ตึกสูงสวยงาม


แต่ใจคนไม่งามเหมือนกับคนที่บ้านเรา


ยามนี้ฉันเหงา คิดถึงบ้าน


โดย: จรัล มโนเพ็ชร


วิจารย์เพลง

เพลง "คิดถึงบ้าน" เป็นเพลงที่มีความหมายน่ารักและลึกซึ้ง ซึ่งได้แต่งมาเพื่อให้ผู้ร้อง ซึ่งเป็นแบบบุคคลที่หนึ่งพรรณนาถึงความคิดถึงบ้านของตนในยามที่อยู่คนเดียว โดยเนื้อหาหลักนั้นก็เชื่อมโยงกับชื่อเพลงเป็นอย่างดีทำให้น่าฟังเป็นอย่างมาก

การแบ่งวางเรื่อง(format)ของเพลงนี้จัดเป็นสามส่วนแบบส่วนละหกบั้ยทัดที่คล้ายคลึงกับการวางแบบของกลอนหก ซึ่งเนื้อหาก็เริ่มตั้งแต่การบรรยายเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่บนฟากฟ้า ที่เหมือนๆกันในทุกที่ในโลกและเริ่มโยงมาถึงความคิดถึงบ้านของผู้ร้องและความรู้สึกที่ไม่ดีเกี่ยวกับคนกรุงเทพ ที่ไม่ใจดีอย่างที่เขาเคยคุ้นชินมาจากบ้านเก่า ซึ่งก็คือต่างจังหวัดที่ใดที่หนึ่ง

ด้านการใช้ภาษาในเพลงนี้ ผู้แต่งเลือกที่จะเขียนเพลงในแนวเรียบง่ายแต่ขณะเดียวกันแฝงไปด้วยความหมายที่จับใจผู้ฟัง โดยการใช้เสียงเบาและสวยงามเช่น r, l, w และสัมผัสสระควบคู่ไปอยู่ด้วยกันทำให้เพลงในไสตล์ช้าๆนี้ฟังง่ายและลื่นหูยิ่งขึ้น

นอกจากนั้นแล้ว ผู้แต่งยังได้เลือกการใช้คำและประโยคซำๆ(repetition)อย่างเช่น "คิดถึงบ้าน" และ "มองดูดวงดาว/ดวงจันทร์/ดวงตะวัน" ซึ่งเป็นสัมผัสพยัญชนะ(alliteration) เพื่อเน้นถึงความสำคัญของประโยคเหล่านี้และส่งเสริมความรู้สึกและอารมณ์ที่เหงาหงอยและโดดเดี่ยวของผู้ร้องให้เด่นชัดมากยิ่งขึ้นเพื่อตอบสนองแก่ theme ของเพลง

เมื่อดูทางด้านสร้างจินตภาพ(imagery)ผู้แต่งก็ได้เล่นคำโดยการอธิบายสิ่งสองอย่างที่ตรงกันข้ามกันในท่อนที่กล่าวว่า "มองไปทางใดก็มีแต่ตึกสูงสวยงาม แต่ใจคนไม่งามเหมือนกับคนที่บ้านเรา" เพื่อสื่อให้คนฟังได้ทราบถึงมุมมองของชาวกรุงผ่านสายตาของคนภายนอกที่ได้สัมผัส และในเวลาเดียวกันก็ได้เพิ่มจังหวะการร้องให้กับเพลงด้วยการแบ่งคำเป็นท่อนๆในวรรคละไม่เกินสิบเอ็ดพยางค์จึงทำให้เพลงฟังง่ายและติดหูมากขึ้น

สุดท้ายแล้ว เพลงคิดถึงบ้านนั้นก็เป็นเสหมือนตัวแทนคำร้องของชายหญิงทุกเพศทุกวัยที่ได้จากบ้านไปอยู่ที่ต่างแดนไกลๆ โดยการสื่อความหมายแบบตรงไปตรงมา และช่วยตอบสนองความรู้สึกของผู้ฟังทุกๆคนที่อยู่ในเหตุการเดียวกัน และบอกให้ผู้ฟัคงนทราบว่า ถึงแม้เราจะอยู่ห่างไกลกับคนหลายๆคนที่เรารักและคิดถึงมากเท่าใด แต่ก็ขอให้รู้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างบนฟ้าที่เราเห็นก็ยังเป็นเหมือนอย่างเดิมกับที่บ้านตลอดไป...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น